การพัฒนาสู่วิถีแห่งการเพาะปลูกออร์แกนิค เริ่มจากปัญหาสารเคมีตกค้างในพืชผักที่เรากิน การสะสมของสารเคมีในสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

สารเคมีตกค้างในพืชผักนั้น เกิดจากการใช้สารเคมีในการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช ซึ่งสารเคมีเหล่านี้อาจปนเปื้อนเข้าสู่พืชผักได้ในระหว่างการปลูกหรือการเก็บเกี่ยว สารเคมีตกค้างเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ โรคระบบประสาท เป็นต้น

นอกจากนี้ การสะสมของสารเคมีในสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากการใช้สารเคมีในการเกษตร สารเคมีเหล่านี้อาจไหลลงสู่แหล่งน้ำและปนเปื้อนสู่ห่วงโซ่อาหาร ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และพืชพรรณในธรรมชาติ

จากปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดแนวคิดในการเพาะปลูกแบบออร์แกนิค ซึ่งหมายถึงการเพาะปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น การเพาะปลูกแบบออร์แกนิคนั้น เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก การใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช เป็นต้น

การเพาะปลูกแบบออร์แกนิคนั้น มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค เนื่องจากไม่มีสารเคมีตกค้าง
  • ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
  • ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • ช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์และคงทน

ในปัจจุบัน การเพาะปลูกแบบออร์แกนิคได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ จากผู้บริโภคและเกษตรกร เนื่องจากผู้บริโภคตระหนักถึงความปลอดภัยของอาหารที่รับประทาน และเกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบของการใช้สารเคมีต่อสิ่งแวดล้อม

การพัฒนาสู่วิถีแห่งการเพาะปลูกออร์แกนิคนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้บริโภค ในการส่งเสริมและสนับสนุนการเพาะปลูกแบบออร์แกนิค เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย และเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ต่อไป

ด้วยการร่วมมือจากทุกภาคส่วน การเพาะปลูกแบบออร์แกนิคจะสามารถเติบโตและขยายตัวได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย และเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ต่อไป